รีวิว Skin Trade คู่ซัดอันตราย (ไม่สปอยล์) : ก้าวใหม่ของจาและหนังไทย

รีวิว Skin Trade คู่ซัดอันตราย (ไม่สปอยล์) : ก้าวใหม่ของจาและหนังไทย

Skin Trade – หนัง Action สายหม่น หดหู่ เนื้อเรื่องหนัก แต่อารมณ์ยังไม่ค่อยถึง ฉากบู๊เข้มข้นพอได้ ถ้ามองเป็นหนังไทย ถือว่าOkมากๆ

สวัสดีครับ เมื่อวานนี้ ผมก็ได้มีโอกาสชมหนังไทย??? (หรือเปล่าก็ไม่รู้) เรื่อง “Skin Trade คู่ซัดอันตราย” ในรอบสื่อมวลชน  ต้องขอขอบคุณทาง SC International Pictures มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

“Skin Trade คู่ซัดอันตราย” เชื่อว่าหลายท่านคงจะงงๆ เหมือนผม ว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังต่างประเทศ หรือหนังไทยกันแน่ จริงๆผมฟันธงไปแล้วว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังเทศ และไม่อยู่ในหมวดหมู่หนังไทยที่ผมจะรีวิว แต่แล้วในงานๆหนึ่ง ผมบังเอิญได้เจอกับ PR หนังไทยอาวุโสท่านหนึ่งซึ่งเป็น PR ให้กับหนังไทยหลายค่ายมากๆ และบอกผมว่า “มาดู Skin Trade ด้วยนะ” ผมถามกลับไปทันทีว่า “มันเป็นหนังไทยด้วยหรือครับ???” “ใช่ พี่ทำ PR ให้ด้วย ค่ายหนังก็เป็นค่ายหนังในไทยนะ ค่ายใหม่ ผู้กำกับก็คนไทย” ผมก็เลยตอบตกลงอย่างงงๆ

“Skin Trade คู่ซัดอันตราย” เป็นหนังโชคดีครับ ที่มี Fast and Furious 7 เข้าฉายก่อน และทาง สหมงคลฟิล์มฯ ฟ้องร้องจา พนม และมีผลการตัดสินของศาลให้ฉายได้ไปแล้ว มิฉะนั้น หากเข้าฉายก่อน Fast and Furious 7 แล้วโดนฟ้องและสั่งห้ามฉาย ผมเชื่อว่าโลก Social คงไม่ส่งเสียงดังมากมายเหมือนกรณี  Fast and Furious 7 แน่ๆ

ข้อมูลจาก Production Note มีคำตอบแล้วครับว่า “Skin Trade คู่ซัดอันตราย” เป็น “หนังไทยที่สร้างให้มีศักยภาพที่ส่งออกสู่ตลาดโลกได้ด้วย” กำกับโดย เอกชัย เอื้อครองธรรม ผู้กำกับ Beautiful Boxer / The Coffin โลงต่อตาย และหนังต่างประเทศอีกหลายเรื่อง รวมทั้งใช้ทีมงานชาวไทยในหลายตำแหน่งทั้ง นักแสดงนำ “จา – พนม ยีรัมย์” Production Design “เอก เอี่ยมชื่น” ตากล้อง น้า “กล้วย – ณัฐวุฒิ กิตติคุณ” คอสตูมดีไซน์ “นิรชรา วรรณาลัย”

จากตัวอย่างก็ดูหนังน่าจะมันดีครับ และมั่นใจได้ว่าจะได้เห็น จา พนม บู๊ทั้งเรื่อง ไม่เหมือนใน Fast and Furious 7 และได้ประกบกับนักแสดง Hollywood ที่ดูคุ้นตาอย่าง ดอล์ฟ ลันด์เกรน และ รอน เพิร์ลแมน และที่สำคัญพูดภาษาอังกฤษแทบทั้งเรื่อง

ช่วงแรก หนังปูพื้นฐานตัวละครโดยใช้การตัดสลับไปมา ตรงนี้ผมว่ามันค่อนข้างจะตัดไปมามากเกินไปหน่อย เพราะมีช่วงสำคัญที่หนังต้องการใช้การบิ๊วอารมณ์ มันไม่ค่อยได้เลยครับ เพราะเดี๋ยวก็สลับไปมาตลอด การขยี้ตรงจุดนี้ยังทำได้ไม่ดีพอนัก แต่ฉาก Action ของนักแสดงทุกคนก็ทำได้ดีและมันพอสมควร สำหรับจาพนม ความหวือหวาอาจดูธรรมดาเพราะเราสามารถเห็นแบบนี้ได้ในทุกเรื่องที่จาเล่นอยู่แล้ว ส่วนฉากดราม่า จา ยังทำให้ผมอินตามไม่ค่อยได้มากเท่าไหร่ แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นจาเล่นในบทที่ต้อง “แสดง” มากขึ้นแบบนี้

ช่วงกลาง หนังมีฉาก Action ซัดมาเรื่อยๆ ไม่ค่อยปล่อยให้ได้พักมากมายนัก เนื้อเรื่องและการเล่าเรื่องมันออกจะดูเป็นสูตรของหนัง Action ไปนิด แถมดูค่อนข้างจะ “โบราณ” ไม่หวือหวา แต่มีดีที่การซัดกันมันเต็มดีเหลือเกิน สิ่งที่ชอบมากเห็นจะเป็นการไม่ทำให้ จา ดูเก่งเหนือมนุษย์เหมือนหลายๆเรื่องที่ผ่านมา ไม่ต้องประกาศท่าที่จะใช้เวลาสู้ (อันนั้นมันดูเป็นดราก้อนบอล) มีการใช้ปืน ที่สำคัญมีความเข้าใจในเรื่องของ “น้ำหนัก” ที่แตกต่างว่ามีผลต่อการสู้จริงยังไง เลยส่งผลให้การที่ จา ต้องใช้การส่งแรงผ่านการลอยตัวสารพัดแบบ ดูมีเหตุผลมากขึ้นมากๆทันที ไม่ดูเห็นกายกรรมอีกต่อไป เพราะถ้าไม่ใช้ จะเห็นได้เลยว่า พลังทำลายมันไม่พอ ตรงนี้สมจริงมาก การออกแบบการต่อสู้มีความเข้าใจถึงคำว่า “โมเมนตัม” เป็นอย่างดี

ช่วงท้าย หนังพาเนื้อเรื่องไปเหมือนจะทำให้เดาได้ ว่าจะไปในทิศทางไหน แต่แล้วก็หักหัวลงจบไปแบบ “อึนๆ” ผมไม่ชอบการจบแบบนี้ครับ มันดูขาด “น้ำใจและมิตรภาพ” ที่ปกติจะได้เห็น ไปจบแบบโลกไม่สวย มันเรียลไปครับ มันไม่เท่แต่อย่างในในมุมมองของผมนะครับ ต่ออีกนิด มีน้ำใจให้กันอีกหน่อย จะน่าประทับใจกว่า

การแสดงของนักแสดงระดับ Hollywood อย่าง ดอล์ฟ ลันด์เกรน และ รอน เพิร์ลแมน รวมถึงคนอื่นๆ นั้นได้ตามมาตรฐานที่สูงอยู่แล้วครับ แต่ในบางครั้งดูบทพูดดูประดิษฐ์เพื่อดราม่ามากเกินไป บางประเด็นก็พาให้สงสัยว่า คนเราจะดราม่ากันแบบนี้ได้ตลอดเวลาหรือไร ส่วนการแสดงของ จา น้ัน ผมเข้าใจครับว่าเราคงไม่ได้เห็นอะไรที่โลดโผนขนาดสมัย “องค์บาก” “ต้มยำกุ้ง” เพราะอายุและความฟิตที่เปลี่ยนไป แต่ผมก็ยังชอบการต่อสู้ของ จา อยู่ดี มันมีเอกลักษณ์ที่เราไม่สามารถหาดูได้จากคนอื่นๆ แต่การแสดงแนวดราม่า ผมว่าต้องปรับปรุงเพิ่มอีกครับ น่าจะส่งอารมณ์ได้มากกว่านี้

สิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้คือ “ประเด็น” ที่หนังเลือกมา มันชัดเจนดีว่าโลกนี้ยังมีปัญหานี้ (ประเทศไทยก็โดนเพ่งเล็งอยู่) มีหลายฉากที่สะเทือนใจ แววตาของผู้ที่เป็นเหยื่อนั้นชัดเจนจนเชื่อว่าทำให้ใครหลายคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ ที่เคยมีรสนิยมแนวนี้ ซื้ออะไรแบบนี้ คิดได้แน่ๆ ตรงนี้เยี่ยมยอดครับ ถ่ายทอดได้ดี อีกข้อดีก็คือฉาก Action ที่มันเป็นจริงว่า คนสู้กัน เจ็บเป็น หมดแรงเป็น ไม่ใช่กลายเป็น The Avenger แบบใน Fast and Furious 7 รวมทั้งใช้ CG เท่าที่จำเป็นด้วย

แต่สิ่งที่ยังไม่ลงตัว ก็คงเป็นการเล่าเรื่องที่ดึงอารมณ์ให้คนดู หดหู่ กดดัน ไม่ได้มากเพียงพอครับ จริงๆเล่าเรื่องทีละคนก็ได้ ผมว่าอารมณ์มันจะต่อเนื่องได้ดีกว่า เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกว่า โครงและประเด็นมันมาดีแล้ว แต่ตอนที่ปรับเข้ามาเป็นบทหนัง ยังไม่ลงตัว ยิ่งบทพูดที่ดราม่าเกินคนปกติคุยกัน ก็ยิ่งทำให้อารมณ์ของคนดูมันไม่ไปถึงจุดที่หนังหวังไว้

สรุป – เป็นหนัง “ไทย” Action ที่ทำได้ดี ลงทุนถึงพอสมควร แต่ออกจะโบราณไปบ้าง ถ้าเอาไปเทียบกับหนัง Hollywood ก็คงเป็นได้แค่ “หนัง Action
ที่มี จา พนม นำแสดง” เรื่องหนึ่ง แต่ถ้ามมองเป็นหนังไทย เรื่องนี้โอเคมากๆแล้ว ถ้าชอบหนัง Action ชอบ จา พนม ชอบอะไรที่มันๆ สมจริงๆ เรื่องนี้ผ่านเลยครับ แต่สำหรับผม ถ้าคิดว่าจะเป็นหนังไทยที่ไปบุก Hollywood มันยังต้องดีกว่านี้อีกหน่อย และยังแพ้หนังเพื่อนบ้านอย่าง The Raid Redemption / The Raid 2 Berandal อยู่มากพอสมควรโดยเฉพาะในด้านเนื้อเรื่องและบท แต่เป็นนิมิตหมายที่ดี สำหรับผู้สร้างหนังไทย ที่กล้าทำอะไรแบบนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ทีมงานครับ

รีวิว Skin Trade คู่ซัดอันตราย (ไม่สปอยล์) : ก้าวใหม่ของจาและหนังไทย

รีวิวหนังออนไลน์ รีวิวหนังแอคชั่น